top of page

Claude Debussy 

1862-1918

220px-Claude_Debussy_.jpg

โคลด เดอบุสซี (Claude Debussy) เป็นนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส เกิดใกล้กรุงปารีสในเมือง St. Germain-en-Laye   เข้าศึกษาที่ Paris Conservatory เมื่ออายุ 11 ปี ภายในเวลาไม่กี่ปีอาจารย์ผู้สอนตกตะลึงในความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีเเละประหลาดใจในวิธีการประพันธ์เพลงของเดอบุสซี อาจารย์ได้ถามเขาว่าใช้หลักการประพันธ์เพลงอย่างไร เขาได้ตอบอาจารย์ว่า เขาใช้กฎเเห่งความพอใจของเขาเองในการประพันธ์  เมื่ออายุ 22 ปี ผลงานคันตาตา (Cantata) ที่ชื่อว่า The Prodigal Son (บุตรชายที่สุรุ่ยสุร่าย) ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจาก Prix de Rome  ในปี ค.ศ. 1884 เขาได้ส่งบทเพลง L'enfant prodigue เข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ในปี ค.ศ. 1890 เดอบุสซีได้รับเกียรติให้ประพันธ์อุปรากร เรื่อง Pelleas et Melisande เป็นบทละครของ Maurice Materlinck ชาวเบลเยี่ยม อุปรากรเรื่องนี้ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงมากขึ้น การเเสดงรอบปฐมทัศน์ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เขาได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประพันธ์เพลงสมัยใหม่  ผลงานที่โด่งดังเช่น La Mer (The Sea), Clair de Lune, Prelude to the Afternoon of a Faun

​Debussy's Piano Trio: Bio

Piano Trio In G major

​Debussy's Piano Trio: Welcome

Claude Debussy

Piano Trio In G major

Claude Debussy Piano Trio In G major

เดอบุสซีแต่งเพลงนี้ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1880 ช่วงที่ยังทำงานให้กับ มาดาม วอนเม็ก ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ของไชคอฟสกี้เช่นกัน ในขณะนั้นเขาอายุเพียง 18 ปี  รูปแบบและฝีมือการประพันธ์ของเขาเป็นเอกลักษณ์ก้าวหน้าเกินอายุไปแล้ว ในช่วงนั้นเขาได้รับอิทธิพลจากชูมานน์และฟรังค์เป็นอย่างมาก ซึ่งทั้ง 2 คนนี้เป็นนักประพันธ์ที่เดบุสซีชื่นชอบเป็นอย่างมาก


ท่อนแรกแตกต่างไปจากรูปแบบการประพันธ์แบบ Sonata Allegro ที่พบได้ในคอนแชร์โตบทอื่นในยุคเดียวกัน การเปิดตัวนั้นเปิดอย่างชาญฉลาดด้วยช่วงที่ทำให้ดูเหมือนเล่นผิด ซึ่งจะเลื่อนกลับไปให้ถูก 4 ห้องหลัง และหลังจากนี้ดนตรีจะเริ่มขยับเร็วมากขึ้น ซึ่ง
เดบุสซี่ได้จำกัดความท่อนนี้ว่า Allegro พอใกล้ถึงกลางเพลง เดบุสซี่ได้เปิดตัวแนวคิดทำนองใหม่ที่เป็น triplet บนเชลโล และไวโอลินได้เลียนแบบทำนองตาม พอถึงช่วงท้ายของเพลง (Recapitulation) บางคนอาจเห็นว่าไม่ควรเรียกว่าช่วงท้ายเป็นเพียงแค่การเอาทำนองหลักมาดัดแปลงนิดหน่อย คราวนี้ท่อน Allegro appassionato กลับมาในบันไดเสียง G เมเจอร์  ก่อนที่ท่อนนี้จะจบ
เดบุสซีได้ใช้เทคนิคความเบามากในการปิดเพลง ซึ่งพบได้ในหลายบทเพลงของเขาและปิดด้วยโมทีฟที่กลับมาในบันไดเสียง G

ความทรงจำวัยเด็ก

ความทรงจำวัยเด็ก


เพลงนี้เดบุสซีเขียนในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1904 เมื่ออายุ 18 ปี ในขณะนั้นเขายังเป็นนักเรียน เขาให้แนวคิดของเพลงมีอิทธิพลเหนือกฎทางทฤษฎีดนตรีหลายข้อ เเละได้พัฒนาจนเป็นสไตล์ของตัวเอง ช่วงนั้นเขาได้เเต่งเพลงให้มาดาม วอนเม็ก ซึ่งเขาได้เดินทางติดตามมาดามในหลายที่เช่น Paris และ Nice เป็นต้น


ท่อนเเรก เริ่มจากเปียโนบรรเลงทำนองสบาย ๆ ขานรับด้วยไวโอลินในทำนองเดียวกันสลับกันแสดงเดี่ยวกับเชลโล เหมือนฤดูร้อนที่เเสงเเดดอบอุ่น มีลมพัดเย็นสบาย ต้นไม้ใหญ่ไหวเอนตามลม มีเสียงไก่ขัน นกร้อง เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้น  ยามเช้าผู้คนเริ่มออกมานอกบ้าน บางคนเดินไปวัด บางคนรอใส่บาตรหน้าบ้าน ท่วงทำนองค่อย ๆ คึกคักขึ้น จังหวะเร็วขึ้น เครื่องดนตรีทั้งสามเล่นโน้ตมากขึ้น เปรียบเหมือนหลังจากที่เเสงอาทิตย์ขึ้นแล้ว ผู้คน สัตว์ ก็ออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ท้องถนนเริ่มมีรถ ผู้คนเริ่มเดินทางสัญจรหนาเเน่น ต่อมาจังหวะเปลี่ยนช้าลง มีการเปลี่ยนบันไดเสียง เหมือนช่วงเวลาเปลี่ยนอีกครั้ง เเสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีส้ม ใกล้ช่วงเวลาเย็น ผู้คนทยอยกลับบ้าน นกบินกลับรัง   ทำนองค่อยๆเบาลง ๆ จนหายไป เเสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับฟ้า


ท่อน 2 ทำนองแรกมีความคึกคัก มีการโยนทำนองไปมา เครื่องสายดีด สลับเปียโนที่เล่นคอร์ดยาว ให้ความรู้สึกขี้เล่น สนุกสนาน ทำนองหลักที่สองเปลี่ยนบันไดเสียงเป็น B ไมเนอร์ ให้ความรู้สึกสบาย ๆ สลับกับทำนองสนุกสนานขี้เล่น ท่อนนี้เปรียบกับช่วงวัยเด็กที่เล่นกับเพื่อน หยอกล้อกัน

​Debussy's Piano Trio: News

ความทรงจำ

เมื่อเราเติบโตขึ้น โลกวุ่นวายสับสนมากกว่าเดิม เพราะความคิดเราเปลี่ยน หรือเพราะโลกเปลี่ยนไป ในภาพความทรงจำตอนเด็ก บรรยากาศที่เติบโตมาจากต่างจังหวัด เช้าตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงไก่ขัน ผู้คนยิ้มทักทายกัน  เราจะกลับไปดูบรรยากาศเหล่านั้นในมุมมองของเด็กหญิงที่อญุ่กับตายายในชนบทในเรื่อง ความสุขของกะทิ 


บางครั้งการนึกถึงความทรงจำที่ไม่สามารถย้อนมาได้ก็ทำให้รู้สึกเศร้า ไปดูข้อคิดในการผ่านเรื่องเศร้ากับหนังสือ เศร้าเสียใจให้พอแล้วพาชีวิตไปต่อนะ

​Debussy's Piano Trio: Text
ความสุขของกะทิ.png

ความสุขของกะทิ

กระทะกับตะหลิว  เสียงกระทะกับตะหลิวกระทบกันปลุกให้กะทิตื่น กะทิอาบน้ำไวจนตาล้อว่าวิ่งผ่านน้ำ ไปที่ท่าน้ำ ตาอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ เรือโผ่ลพ้นคุ้งน้ำมา สีจีวรของหลวงลุงเข้ากันกับบรรยากาศตอนเช้า พี่ทองยิ้มให้แต่ไกล ยิ้มของพี่ทอง ทำให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกมีความสุขไปด้วย ตากรวดน้ำใต้ต้นไม้ กะทิอธิษฐานในใจ ข้าวเช้าวันนี้ ตาชอบกินผักต้มกับน้ำพริก กะทิได้กินปลาทอดกับผัดผัก ตาบ่นว่าอาหารของยายนั้นมัน ตาบอกอยากเอากระทะและตหลิวของยายไปบริจาค  เย็นวันนั้นเสียงกระทะตะหลิวดังขึ้นและแรงกว่าทุกวัน น่าแปลกที่กระทะและตะหลิวก็ยังใช้งานได้ดีเช่นเดิมในวันต่อมา


 กะละมังกับไม้หนีบผ้า กะทิมีหน้าที่เก็บผ้าใส่กะละมังให้ยาย ทำตั้งแต่ตัวเล็กๆ ตาทำบันไดติดล้อให้ ลมพัดเสื้อผ้าโบกสะบัดตามแรงลม แต่ไม่ปลิวไปไหนเพราะไม้หนีบผ้า  ไม้หนีบผ้าทำจากไม้ธรรมดาแต่กะทิเป็นคนเอาสีมาทา ตาเล่าว่าตอนหนุ่มเคยเป็นครูสอนศิลปะ ตาเริ่มอธิบายเรื่องแม่สีและเอื้อมหยิบไม้หนีบผ้ามาสาธิต บันไดติดล้อบอกให้รู้ถึงความสูงของกะทิ ตอนนี้แค่ขั้นเดียวก็เอื้อมถึงแล้ว เก็บผ้าบนราวหมดดวงอาทิตย์ใกล้ตกดิน ห้องอเนกประสงค์ของยายมีกะละมังวางเรียงไว้ กระทิแยกผ้าที่เก็บใส่กะละมัง ตอนกลางคืนเสียงฟ้าร้องดังลั่น ยายเดินเข้ามาในห้องนอน กอดกะทิยายลูบหัวกระทิเบาๆ กะทิเหลือบเห็นลูกตาวาวสะท้อนแสงฟ้าแลบ พอมีแสงให้เห็นว่ายายร้องไห้อยู่ในความมืด

​Debussy's Piano Trio: About
เศร้าเสียใจให้พอแล้วไปต่อนะ.png

เศร้าเสียใจให้พอแล้วพาชีวิตไปต่อนะ

เมื่อเราโตขึ้นเราก็ไม่อยากเป็นอะไรมากกว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับคนใกล้ตัวของเรา

บางทีช่วงที่ท้อนั่นแหละจะบอกว่าเราจริงจังกับสิ่งนั้นมากพอที่จะผ่านวันเวลาแห่งความท้อไปได้หรือเปล่า


เราหยุดความเคลื่อนไหวของวันเวลาไม่ได้ทำได้แค่เก็บเวลาเหล่านั้นไว้ในกล่องความทรงจำ


 การจากลาอาจลบเลือนความทรงจำได้ แต่ไม่มีวันลบเลือนความรู้สึกระหว่างเราที่เคย เกิดขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้น


อย่ากลัวการจากลาครั้งหนึ่งเราเคยเจอกันทุกวันเรายังคิดถึง ไม่มีอะไรสวยงามไปมากกว่านี้แล้ว



 มิตรภาพเป็นเรื่องแปลก ไม่มีตัวตนแต่จับต้องได้ อยากที่จะนิยามแต่รู้สึกได้ ไม่ต้องมีคำใดๆก็เข้าใจกันได้

​Debussy's Piano Trio: About

ความทรงจำวัยเด็ก

เช้าตื่นมามีเสียงไก่ขัน ผู้คนเริ่มออกมานอกบ้าน แม่ออกเดินถือตระกร้าไปวัด(ผู้หญิงที่ห่มขาวไปวัด) บางคนกวาดหน้าบ้าน เสียงพูดคุยเริ่มดัง เสียงรถมอเตอร์ไซด์เริ่มดังถี่ ไม่นานก็เริ่มได้ยินเสียงเด็กนักเรียนวิ่งไปโรงเรียนไม่ไกลจากวัด พอสายๆ ถนนหน้าบ้านเริ่มเงียบ จนได้ยินเสียงลมพัดต้นไม้ อากาศเริ่มร้อนเเต่ก็มีลมพัดอ่อนๆมาตลอด พอตกเย็นถนนหน้าบ้านรถพลุกพล่านอีกครั้ง ผู้คนกลับบ้าน เด็กนักเรียนเดินกลับบ้าน ไม่นานหลังพระอาทิตย์ตก ถนนก็เงียบสงบอีกครั้ง เงียบจนได้ยินเสียงจั๊กจั่นเเละจิ้งหรีดร้องระงม คืนนี้ท้องฟ้าเปิด พระจันทร์สว่างอยู่บนท้องฟ้ารายล้อมด้วยดาว

​Debussy's Piano Trio: Text

คิดมาก.(2559).เศร้าเสียใจให้พอแล้วพาชีวิตไปต่อ(พิมพ์ครั้งที่ 1).กรุงเทพ : สปริงบุกส์ อมรินทร์พริ้นติงแอนด์พับลิซซิง

งามพรรณ เวชชาชีวะ เรื่อง ; วิศุทธิ์ พรนิมิตร ภาพ.(2560).ความสุขของกะทิฉลับลายเส้น(พิมพ์ครั้งที่ 2)กรุงเทพ : เเพรวสำนักพิมพ์ อมรินทร์พริ้นติงแอนด์พับลิซซิง

​Debussy's Piano Trio: Text
bottom of page